การศึกษาในปัจจุบัน พบว่า การมีพฤติกรรมเนือยนิ่งในแต่ละวันติดต่อกันนานเกิน 10 ชั่วโมง สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคสมองเสื่อมในผู้ใหญ่ได้ ซึ่งเป็นที่น่ากังวลเนื่องจากกลุ่มประชากรชาวอเมริกันส่วนใหญ่ล้วนมีพฤติกรรมเนือยนิ่งต่อวัน โดยเฉลี่ยประมาณ 9.5 ชั่วโมง แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ หรือกลไกการเกิดโรคดังกล่าวได้ แต่ก็พอจะสรุปได้ว่าการส่งเสริมให้นั่งเฉย ๆ น้อยลง และขยับร่างกายให้มากขึ้น อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคสมองเสื่อมได้
ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ มีลักษณะการใช้ชีวิตแบบเนือยนิ่ง อย่างเช่น ชาวอเมริกันที่มีค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมเนือยนิ่งกว่า 9.5 ชั่วโมงต่อวัน จึงมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลเสียของการมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ซึ่งเป็นการศึกษาจากข้อมูลของประชากรกว่า 49,841 ราย ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่มีประวัติโรคสมองเสื่อมมาก่อนหน้า โดยใส่เครื่องวัดคลื่นกระแสไฟฟ้าที่ข้อมือตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 สัปดาห์
การศึกษาดังกล่าวใช้ระยะเวลาในการติดตามเฉลี่ย 6.72 ปี ซึ่งพบว่า ประชากรที่เข้าร่วมการศึกษาจำนวน 414 ราย ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม เมื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า การมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง 10 ชั่วโมง และ 12 ชั่วโมงต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคสมองเสื่อมอยู่ที่ร้อยละ 8 และร้อยละ 63 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับการมีพฤติกรรมเนือยนิ่งที่ 9.27 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงในผู้ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง 15 ชั่วโมงต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึง 3 เท่า
จากการศึกษาดังกล่าว แม้ว่าจะพบความสัมพันธ์ของพฤติกรรมเนือยนิ่ง ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อม แต่ยังไม่มีรายละเอียดของพฤติกรรมเนือยนิ่งที่ประชากรในการศึกษาได้ปฏิบัติในแต่ละราย โดยมีในการศึกษาก่อนหน้านี้มีข้อมูลว่า การดูโทรทัศน์เพิ่มควมเสี่ยงของการเป็นโรคสมองเสื่อม ได้มากกว่าการทำงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ การติดตามพฤติกรรมเนือยนิ่งอย่างต่อเนื่องของประชากร ในการศึกษา ใช้เวลารวม 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจไม่เพียงพอหากจะค้นหารายละเอียดของพฤติกรรมดังกล่าว เพราะในขณะนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายที่มาของความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมเนือยนิ่งและโรคสมองเสื่อมได้ จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
เรียบเรียงโดย นพ. จิรัสม์ พัวพัฒนกุล
ข้อมูลจาก Sedentary Lifestyle Tied to Increased Dementia Risk – Medscape – Sep 12, 2023