ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พบ 86% ของผู้ที่ใช้ยายุติตั้งครรภ์มีความพร้อมในวัยอนามัยเจริญพันธุ์ มีการพิจารณาการเปลี่ยนอัตราทำแท้งให้เป็นตั้งครรภ์คุณภาพ กำหนดเป้าหมายลดการท้องไม่พร้อมให้เหลือ 15 ต่อพันประชากร และหารือสิทธิการลาคลอด มาตรการจูงใจเพื่อส่งเสริมการเกิดที่มีคุณภาพ
7 มีนาคม พ.ศ. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ครั้งที่ 1/2567 มีการหารือประเด็นอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำกว่าเป้าหมาย และการลดการเกิดที่ไม่มีคุณภาพจากแม่ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี มีการชี้แจงจากคณะกรรมการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาต (สปสช.) เกี่ยวกับการบริการเพื่อดูแลและป้องกันเด็กและเยาวชนหรือบุคคลที่ไม่ต้องการมีบุตรก่อนวัยอันควรโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อาทิ ยาคุมฉุกเฉิน การใช้ถุงยางอนามัย หรือการทำแท้งที่ไม่ผิดกฎหมาย (ตั้งครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์)
มีการหารือการเพิ่มอัตราเจริญพันธุ์อย่างน้อย 1.5 ต่อแสนประชากร โดยมีประเด็นที่ต้องพิจารณา ได้แก่ สิทธิประโยชน์การฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก หรือการทำเด็กหลอดแก้ว สิทธิการลาคลอด เนื่องจากการเลี้ยงดูลูกด้วยนมแม่ต้องใช้เวลานาน 6 เดือน นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเปลี่ยนอัตราทำแท้งในวัยรุ่นให้มาเป็นตั้งครรภ์คุณภาพ โดยจากข้อมูลเฉพาะการให้ยายุติการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ผู้ใช้ 86% เป็นผู้ที่มีความพร้อมในวัยอนามัยเจริญพันธุ์ จึงตั้งอนุกรรมการแก้ไขกฎหมายเพื่อลดปัญหาท้องไม่พร้อมให้ไม่เกิน 15 ต่อพันประชากร และส่งเสริมการเกิดที่มีคุณภาพ
แหล่งที่มา: https://www.hfocus.org/content/2024/03/29922