CIMjournal
Rapid diagnostic tests for infectious diseases

Rapid diagnostic tests for infectious diseases


น.อ.หญิง พญ. จุฑารัตน์ เมฆมัลลิกาน.อ.หญิง พญ. จุฑารัตน์ เมฆมัลลิกา
หน่วยโรคติดเชื้อ กองกุมารเวชกรรม
โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

สรุปเนื้อหางานประชุมใหญ่ประจำปี 2562 ครั้งที่ 23 จัดโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย วันที่ 3 พฤษภาคม 2562

 

Rapid diagnostic tests (RDTs) หรือชุดตรวจแบบรวดเร็ว มีใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน บางครั้งนำมาช่วยในการวินิจฉัยและตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วย (Point-of-Care Testing, PoCT) โดยเฉพาะในสถานที่ที่ไม่สามารถส่งไปยังห้องปฏิบัติการที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ได้ การทำ RDTs ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็จะทราบผล ส่วนใหญ่ของ RDTs เป็นการนำหลักการของอิมมูโนวิทยาเข้ามาใช้ เพื่อตรวจหาแอนติเจนหรือแอนติบอดีในอนาคตมีการพัฒนาการตรวจนิวคลีอิกแอซิดที่ทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในบทนี้จะกล่าวถึงเฉพาะ RDTs ที่ใช้บ่อยในทางคลินิกสำหรับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจและโรคอุจจาระร่วง

RDTs สำหรับเชื้อไวรัสก่อโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่

  1. RDTs ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีชุดตรวจแบบรวดเร็วเรียกว่า Rapid Influenza Diagnostic Tests (RIDTs) เป็นการตรวจทางอิมมูโนวิทยาเพื่อหานิวคลีโอโปรตีนของไวรัสไข้หวัดใหญ่เอและบี ความไวและความจำเพาะ ประมาณร้อยละ 40 – 70 (พิสัย 10 – 80) และ 90 – 95 (พิสัย 85 – 100) ตามลำดับ ขึ้นกับชนิดของ RIDTs การตัดสินใจให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ขึ้นกับความรุนแรงของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วยว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือไม่
  2. RDTs ของไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus, RSV) ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของการติดเชื้อทางเดินหายใจในเด็กเล็ก ได้แก่ โรคปอดบวม หรือหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี หลักการ RDTs ของ RSV เป็นอิมมูโนวิทยาเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ เป็นการตรวจหา F protein ซึ่งมีความไวประมาณร้อยละ 72 – 94 และความจำเพาะร้อยละ 95 – 100 ในผู้ป่ว่ยเด็กมีความไวและความจำเพาะของการทดสอบมากกว่าผู้ใหญ่

สิ่งส่งตรวจทางเดินหายใจ ได้แก่ nasopharyngeal หรือ nasal swab/aspirate/wash, throat swab หรือ tracheat suction (สิ่งส่งตรวจจาก nasopharynx จะพบเชื้อไวรัสดีกว่าที่อื่น ๆ) และควรเก็บสิ่งส่งตรวจในระยะแรก (ไม่ควรเกิน 3 – 4 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ) ของการติดเชื้อเพราะพบจำนวนไวรัสมากกว่า

RDTs สำหรับเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระร่วงที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่

  1. RDTs ของไวรัสโรต้า (Rotavirus) เป็นการตรวจหา VP6 ความไวและความจำเพาะประมาณร้อยละ 77 – 98.7 และ 89 – 100 ตามลำดับ
  2. RDTs ของไวรัสโนโร (Norovirus) สามารถตรวจได้ทั้ง Genogroup I และ II ความไวและความจำเพาะประมาณร้อยละ 92 – 100 และ 92 – 98.3 ตามลำดับ

จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ความไวและความจำเพาะของ RDTs ต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรคอุจจาระร่วงอยู่ในเกณฑ์ดีมาก แต่เมื่อนำมาทดสอบในทางคลินิกจริง ความไวและความจำเพาะของ RDTs ของไวรัสโนโรเท่ากับร้อยละ 27.5 และ 97.7 ตามลำดับความไวและความจำเพาะของ RDTs ของไวรัสโรต้าเท่ากับร้อยละ 44.8 และ91.6 ตามลำดับ ซึ่งความไวของชุดตรวจนี้ต่ำกว่าความไวของการศึกษาในอดีต และยังพบผลบวกลวงหรือ cross reactivity จาก RDTs ของไวรัสได้ประมาณร้อยละ 3 (กล่าวคือ มีการติดเชื้อไวรัสโนดร แต่ให้ผลบวกกับชุดตรวจแบบรวดเร็วของไวรัสโรต้า)

สรุป RDTs เป็นชุดตรวจแบบรวดเร็วที่สามารถนำมาช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ มีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย แต่ความไวและความจำเพาะของชุดตรวจ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ วิธีการเก็บ แหล่งที่มา คุณภาพของสิ่งส่งตรวจ และชนิดของชุดตรวจแบบรวดเร็ว ดังนั้น การแปลผลและนำไปใช้ ควรคำนึงถึงคุณสมบัติของชุดตรวจ รวมทั้งผลบวกลวงและผลลบลวงด้วย

 

 

PDPA Icon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก