นพ. จิรวัฒน์ เชี่ยวเฉลิมศรี
อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันทางคลินิก
ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
บทนำ
โรคหืดเป็นภาวะทางเดินหายใจเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อประชากรจำนวนมากทั่วโลก โดยวัคซีนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการกำเริบของโรคและภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ บททบทวนนี้นำเสนอวัคซีนที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคหืด
1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine)
แนะนำให้ผู้ป่วยโรคหืดได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่อาจกระตุ้นให้เกิดการกำเริบของโรคหืด งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า วัคซีนนี้สามารถลดความถี่และระยะเวลาของการกำเริบของโรค โดยเฉพาะในเด็ก อย่างไรก็ตาม หลักฐานในผู้ใหญ่ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
- เด็ก: ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และวัคซีนช่วยลดความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับโรคหืดในกลุ่มนี้
- ผู้ใหญ่: แม้หลักฐานไม่ชัดเจนเท่าในเด็ก แต่แนะนำให้ฉีดในผู้ใหญ่ที่มีโรคหืด โดยเฉพาะรายที่เป็นรุนแรงหรือมีโรคร่วม
ความปลอดภัย วัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไปมีความปลอดภัยในผู้ป่วยโรคหืด โดยไม่มีรายงานการเพิ่มความเสี่ยงต่อการกำเริบของโรค แต่อาจเกิดอาการข้างเคียงเล็กน้อยในผู้ป่วยบางราย เช่น ไข้ต่ำ ๆ หรือมีอาการผื่นแพ้เล็กน้อย น้อยกว่า 1 ในล้านเข็มที่จะพบเกิดการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)
2. วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ (Pneumococcal Vaccine)
แนะนำให้ผู้ป่วยโรคหืดได้รับวัคซีนนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae ที่อาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบและภาวะแทรกซ้อนรุนแรง วัคซีน PCV13 สามารถลดความเสี่ยงของปอดอักเสบในผู้ป่วยโรคหืดรุนแรง และช่วยลดการกำเริบ โดยเฉพาะในเด็กที่มีหูชั้นกลางอักเสบบ่อย วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามชนิดของวัคซีนและกลุ่มอายุหรือกลุ่มเสี่ยงที่เหมาะสม
- วัคซีนชนิดคอนจูเกต (Pneumococcal Conjugate Vaccine: PCV)
จุดเด่นของ PCV คือ กระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบ T-cell dependent มีการสร้าง memory cell ทำให้ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นาน และใช้ในผู้ป่วยโรคหืดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการกำเริบ
- วัคซีนชนิดโพลีแซคคาไรด์ (Pneumococcal Polysaccharide Vaccine: PPSV)
จุดเด่นของ PPSV23 คือ มี coverage ครอบคลุมสายพันธุ์กว้าง ไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบ memory ได้ดีเท่า PCV และใช้ร่วมกับ PCV ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
- เริ่มด้วย PCV13/PCV15/PCV20 ตามที่มีใช้งาน
- หากเริ่มด้วย PCV13 หรือ PCV15 → พิจารณาฉีด PPSV23 ห่างกันอย่างน้อย 8 สัปดาห์ถึง 1 ปี
- หากฉีด PCV20 แล้ว → ไม่จำเป็นต้องฉีด PPSV23
- เด็ก: ได้ประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อหูชั้นกลางอักเสบและการกำเริบของโรคหืด
- ผู้ใหญ่: โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหืดรุนแรงหรือได้รับยาชีวภาพ จะได้ประโยชน์จากการลดปอดอักเสบและควบคุมอาการโรคได้ดีขึ้น
ความปลอดภัย
วัคซีนป้องกันปอดอักเสบมีความปลอดภัยดีในผู้ป่วยโรคหืด ไม่มีรายงานอาการแพ้หรือผลข้างเคียงที่รุนแรง
3. วัคซีนป้องกันโควิด 19
แนะนำให้ผู้ป่วยโรคหืดได้รับวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง วัคซีนสามารถลดการนอนโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิต โดยเฉพาะในผู้ที่มีหืดรุนแรงหรือโรคร่วม
กลุ่มเป้าหมาย : ทุกช่วงอายุ แนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ป่วยโรคหืดทุกคน
ความปลอดภัย วัคซีนโควิด-19 มีความปลอดภัยในผู้ป่วยโรคหืด โดยไม่มีรายงานการเพิ่มความเสี่ยงต่อการกำเริบหรืออาการแพ้รุนแรง
4. วัคซีนอื่น ๆ
- วัคซีน RSV: ปัจจุบันยังไม่มีการแนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยโรคหืด แต่มีการศึกษาวิจัยว่าอาจมีบทบาทในการลดการกำเริบในอนาคต
- วัคซีนไวรัสระบบหายใจอื่น ๆ เช่น adenovirus หรือ human metapneumovirus ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และยังไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยโรคหืด