การศึกษาจากประเทศจีน พบว่า โรคไขมันพอกตับมีผลลดเนื้อสมองส่วนควบคุมความจำ และอาจเป็นสาเหตุทำให้สมองเสื่อม
ไขมันพอกตับเป็นสาเหตุหลักของโรคตับอักเสบเรื้อรัง และพบบ่อยราว 32% ของประชากรทั่วโลก โดยมีความรุนแรงของโรคหลากหลายไปตั้งแต่ตับมีไขมันมาพอก มีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย จนไปถึงระยะตับแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ เมื่อโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย โรคสมองเสื่อมจึงนับเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากขึ้น ข้อมูลในปัจจุบันเริ่มพบความสัมพันธ์ของโรคไขมันพอกตับ และการเสื่อมของสมอง โดยพบว่า ไขมันพอกตับอาจทำให้เสี่ยงสมองเสื่อมเพิ่มเป็น 1.44 เท่าของผู้ไม่เป็นไขมันพอกตับ
Yingwen Miao และคณะ จากประเทศจีน ได้ทำงานวิจัยโดยมีผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่ได้รับการตรวจชิ้นเนื้อตับ 320ราย และประเมินคะแนนการทำงานของสมอง รวมถึงได้รับการตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดูการทำงานของสมอง (functional magnetic resonance imaging scans) ผลพบว่า ผู้ที่เป็นไขมันพอกตับจะมีคะแนนความจำระยะสั้นและระยะยาวแย่กว่ากลุ่มควบคุมแปรผันตามความรุนแรงของโรคไขมันพอกตับ โดยผู้ที่มีไขมันพอกตับระดับรุนแรง (severe liver steatosis) และผู้ที่มี ballooning จะมีความจำที่แย่ลงเป็น 2.189 และ 3.655 เท่าของกลุ่มควบคุมตามลำดับ และเมื่อดูภาพถ่ายทางรังสี พบว่า ผู้ที่มีไขมันพอกตับจะสูญเสียเนื้อสมองส่วน hippocampus ข้างซ้าย และส่วนที่เกี่ยวข้องข้างเคียง เช่น subiculum และ presubiculum ซึ่งควบคุมเรื่องความจำ อีกทั้งความรุนแรงของไขมันพอกตับที่แย่ลงก็จะยิ่งลดเนื้อสมองบริเวณดังกล่าว ลดการกระตุ้นสมองบริเวณดังกล่าว รวมถึงคะแนนประเมินความจำก็ยิ่งลดลงอีกด้วย
นับว่าการศึกษานี้เป็นการศึกษาแรกที่ได้รายงานถึงความรุนแรงของโรคไขมันพอกตับ ที่สัมพันธ์กับการลดลงของเนื้อสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคสมองเสื่อม เพราะฉะนั้น การคัดกรองเกี่ยวกับความจำอาจมีความจำเป็นในผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันพอกตับในระดับรุนแรง
- https://www.mims.com/specialty/topic/nafld-ups-risk-of-memory-impairment–hippocampal-damage
- https://academic.oup.com/jcem/article-abstract/108/12/3239/7194802